คือค่อนข้างเหนื่อยใจมากครับกับการทำกิจการเลยสมัครมาระบายอะไรไปเรื่อยๆครับ
คือผมเป็นคนนึงที่ไม่ได้เรียนเก่งไม่ได้ทำงานดีมากมายครับงานสุดท้ายที่ได้ทำก็เงินเดือนประมาณ 20,000บาทและทำนู่นนี่นั่นต่างๆตามคนที่อยากจะมาเงินเก็บครับก็อาจจะได้มากบ้างน้อยบ้าง ตามประสาของคนที่อายุยังไม่ถึง 30 ในตอนนั้น
ผมตัดสินใจว่าจะลาออกมาจากงานที่กรุวเทพมาทำอะไรที่บ้านเกิดตัวเองด้วยเหตุผลหลายๆอย่างครับ ทั้งคุณพ่อ ไม่ค่อยสบายเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ คุณแม่ก็เจ็บปวดเล็กน้อยตามประสาคนสูงวัย และด้วยงานที่ไปไกล จากต่างจังหวัดไปกลับๆ อีกทั้งมีประโยคที่ทำให้ผมต้องอตกใจจากปากของแม่ผมตอนคุนกันเพราะเค้าอยากให้ผมกลับมาอยู่บ้านด้วยประโยคที่ว่า " เวลาแม่คิดถึงลูกแม่เปิดดูห้องลูกนะ " มันก็ทำให้ผมแอบอึ้งไปอยู่เหมือนกันแล้วผมก็มานั่งน้ำตาไหลหลังจากนั้น ก็เลยตัดสินใจกลับบ้านแล้วมาลองทำกิจการเล็กๆต่างๆ ที่พอจะทำได้ครับ ซึ่ง.....................มันก็ไม่ได้ไปได้สวยเลยสักอย่าง
บ้านที่ผมอยู่เป็นชานเมืองครับซึ่งเป็นพื้นที่ที่คนรายได้น้อยอยู่กันเยอะมาก ตอนกลับมาจากกรุงเทพร้องไห้ทุกวันเลยครับ ไม่มีเพื่อนไม่มีอะไรเลยคิดถึงเพื่อนแล้วก็สิ่งต่างๆที่เคยอยู่เคยทำมากครับ กว่าจะปรับตัวได้ก็ใช้เวลานานอยู่
เดชะบุญที่บ้านใกล้โรงเรียนแห่งหนึ่งเลยเปิดขายของและสอนพิเศษครับคิดเดือนละ 500 บาทซึ่งตัวผมถือว่ามันถูกมากเลยนะสอนทุกวัน จ-ศ ตอนชวงเดือนแรกๆ สงสัยมันคงจะแปลกใหม่ครับรายได้ที่มาก็ในระดับ พัน เกิน หมื่นมาหน่อย ครับก็ดีใจขึ้นมาบ้างขายของแต่พอหลังจากนั้นไม่นาน หลายได้ลดลงอย่างน่าตกใจครับ เหลือไม่ถึงหมื่น ซึ่งในส่วนตัวผมคิดว่าเค้าอาจจะมันแพงเกินไปสำหรับเขาก็ได้ แต่ยังดีที่รายจ่ายผมมีอย่างเดียวคือผ่อนรถ เดือนละ 6,000 ครับกินอยู่ก็ไม่ได้เยอะเกินเท่าไร เลยต้องเริ่มทำอะไรเพิ่มขึ้นครับ เพื่อหารายได้เพิ่มขึ้น
ซึ่งแม่มมมมมเหนื่อยมากครับน้ำตาไหลแทบทุกวัน ปัญหาที่ไม่คิดว่าจะเกิดมันก็เกิด อะไรที่คิดว่าจะเกิดมันก็เกิดแถมหนักกว่าที่คิด
เดี๋ยวมาต่อละกันครับ .....อาจงงๆกับคำพูดหรือภาษาหน่อยนะครับ คือแค่อยากระบาย ถ้าเห็นว่าแนวนี้เยอะไปจะลบจะทิ้งก็ได้ครับ
แค่อยากระบายเกี่ยวกับการเริ่มต้นทำกิจการเล็กๆครับ
คือผมเป็นคนนึงที่ไม่ได้เรียนเก่งไม่ได้ทำงานดีมากมายครับงานสุดท้ายที่ได้ทำก็เงินเดือนประมาณ 20,000บาทและทำนู่นนี่นั่นต่างๆตามคนที่อยากจะมาเงินเก็บครับก็อาจจะได้มากบ้างน้อยบ้าง ตามประสาของคนที่อายุยังไม่ถึง 30 ในตอนนั้น
ผมตัดสินใจว่าจะลาออกมาจากงานที่กรุวเทพมาทำอะไรที่บ้านเกิดตัวเองด้วยเหตุผลหลายๆอย่างครับ ทั้งคุณพ่อ ไม่ค่อยสบายเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ คุณแม่ก็เจ็บปวดเล็กน้อยตามประสาคนสูงวัย และด้วยงานที่ไปไกล จากต่างจังหวัดไปกลับๆ อีกทั้งมีประโยคที่ทำให้ผมต้องอตกใจจากปากของแม่ผมตอนคุนกันเพราะเค้าอยากให้ผมกลับมาอยู่บ้านด้วยประโยคที่ว่า " เวลาแม่คิดถึงลูกแม่เปิดดูห้องลูกนะ " มันก็ทำให้ผมแอบอึ้งไปอยู่เหมือนกันแล้วผมก็มานั่งน้ำตาไหลหลังจากนั้น ก็เลยตัดสินใจกลับบ้านแล้วมาลองทำกิจการเล็กๆต่างๆ ที่พอจะทำได้ครับ ซึ่ง.....................มันก็ไม่ได้ไปได้สวยเลยสักอย่าง
บ้านที่ผมอยู่เป็นชานเมืองครับซึ่งเป็นพื้นที่ที่คนรายได้น้อยอยู่กันเยอะมาก ตอนกลับมาจากกรุงเทพร้องไห้ทุกวันเลยครับ ไม่มีเพื่อนไม่มีอะไรเลยคิดถึงเพื่อนแล้วก็สิ่งต่างๆที่เคยอยู่เคยทำมากครับ กว่าจะปรับตัวได้ก็ใช้เวลานานอยู่
เดชะบุญที่บ้านใกล้โรงเรียนแห่งหนึ่งเลยเปิดขายของและสอนพิเศษครับคิดเดือนละ 500 บาทซึ่งตัวผมถือว่ามันถูกมากเลยนะสอนทุกวัน จ-ศ ตอนชวงเดือนแรกๆ สงสัยมันคงจะแปลกใหม่ครับรายได้ที่มาก็ในระดับ พัน เกิน หมื่นมาหน่อย ครับก็ดีใจขึ้นมาบ้างขายของแต่พอหลังจากนั้นไม่นาน หลายได้ลดลงอย่างน่าตกใจครับ เหลือไม่ถึงหมื่น ซึ่งในส่วนตัวผมคิดว่าเค้าอาจจะมันแพงเกินไปสำหรับเขาก็ได้ แต่ยังดีที่รายจ่ายผมมีอย่างเดียวคือผ่อนรถ เดือนละ 6,000 ครับกินอยู่ก็ไม่ได้เยอะเกินเท่าไร เลยต้องเริ่มทำอะไรเพิ่มขึ้นครับ เพื่อหารายได้เพิ่มขึ้น
ซึ่งแม่มมมมมเหนื่อยมากครับน้ำตาไหลแทบทุกวัน ปัญหาที่ไม่คิดว่าจะเกิดมันก็เกิด อะไรที่คิดว่าจะเกิดมันก็เกิดแถมหนักกว่าที่คิด
เดี๋ยวมาต่อละกันครับ .....อาจงงๆกับคำพูดหรือภาษาหน่อยนะครับ คือแค่อยากระบาย ถ้าเห็นว่าแนวนี้เยอะไปจะลบจะทิ้งก็ได้ครับ